04 ราศีเมษ - พระอัฏฐารส
ชาวราศีเมษช่วงต้นปีอาจจะต้องเจอปัญหาหนัก
แต่ถ้าผ่านไปได้ก็จะดีขึ้นค่ะ แถมมีโอกาสประสบความสำเร็จกับอะไรใหม่ ๆ
ในเรื่องการเงินยังหมุนได้คล่องตัว พระเสริมดวงประจำราศีคือพระอัฏฐารส
เชื่อว่าจะช่วยเสริมดวงเพิ่มความเป็นสิริมงคลให้แก่ชาวราศีเมษ
ช่วยให้ชีวิตสงบสุข ไม่พบเจออุปสรรค
บอกเลยว่ากราบไหว้บูชาแล้วจะพบแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาค่ะ
พระอัฏฐารส เป็นพระพุทธปฏิมาประธานในพระวิหารหลวง วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่
พระอัฏฐารส แปลว่า พระสิบแปด หมายถึงพุทธธรรม 18 ประการ อันเป็นพระคุณสมบัติเฉพาะพระองค์
ไม่ได้หมายความว่าพระพุทธรูป 18 ศอก ที่จริงแล้วองค์พระพุทธปฏิมาอัฏฐารสสูง 16 ศอก 23 ซ.ม.
หรือเท่ากับ 8.23 เมตร แต่ที่ตั้งชื่อเช่นนั้นก็เพื่อเป็นอุบายธรรมสื่อนำไปสู่ความเข้าใจในพุทธคุณ
อันประเสริฐของพระพุทธองค์ ผู้ทรงเป็นศาสดาของมนุษย์และเทพเจ้าทั้งหลาย
ดังพระบาลีในอาฏานาฏิยปริตรว่า : “อุเปตา พุทฺธธมฺเมหิ อฏฺฐารสหิ นายกา …
พระพุทธเจ้าทั้งหลายผู้เป็นนายกคือผู้นำ ทรงประกอบด้วยพุทธธรรม 18 ประการ”
ผู้สร้างพระอัฏฐารสคือพระนางติโลกจุฑาเทวี ลักษณะเป็นพระพุทธรูปยืนที่มีลักษณะงดงามมาก
ดังที่ น. ณ ปากน้ำ (ประยูร อุลุชาฏะ) ปราชญ์ผู้เชี่ยวชาญงานศิลปกรรมได้กล่าวถึงว่า
“พระพุทธรูปยืนปางประทานอภัย ศิลปะเชียงใหม่ตอนต้นที่ได้รับอิทธิพลต้นแบบจากศิลปะปาละ (อินเดีย)
หล่อด้วยทองสำริดสูงใหญ่ ปางห้ามญาติ มีพระพุทธลักษณะสง่างามที่สุดในอาณาจักรล้านนา
โดยเฉพาะส่วนพระพักตร์มีลักษณะอ่อนโยนงดงามยิ่งนัก เป็นศิลปกรรมร่วมสมัยกับพระพุทธรูปแบบเชียงแสน
หรือพระสิงห์ซึ่งได้วิวัฒนาการงานศิลป์มาจากปาละด้วยเช่นกัน”
พระนางติโลกจุฑาเทวี เป็นพระมเหสีของพระเจ้าแสนเมืองมา เมื่อครั้งที่พระสวามีสร้างพระเจดีย์หลวง
เมื่อ พ.ศ.1934 เพื่ออุทิศพระราชกุศลแด่ดวงวิญญาณของพระเจ้ากือนา พระราชบิดา
แต่ยังสร้างไม่เสร็จ พระสวามีก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน
พระนางติโลกจุฑาเทวี จึงสร้างต่อโดยทรงรับเป็นแม่กองบัญชาการก่อสร้างพระเจดีย์ด้วยพระองค์เอง
ใช้เวลาในการสร้างนาน 5 ปี จึงแล้วเสร็จ
ต่อมาในเดือน 10 ขึ้น 15 ค่ำ พ.ศ.1954 พระนางได้ทรงกระทำพิธีปกยอดฉัตรเจดีย์ด้วยทองคำหนัก 8,902
และประดับรัตนมณี 3 ดวง ไว้บนยอดพระเจดีย์นั้น
หลังจากนั้น พระนางได้ทรงสร้างพระวิหารหลวงขึ้นหลังหนึ่ง ทางทิศตะวันออกของพระเจดีย์
พร้อมทั้งให้หล่อพระประธาน คือ พระอัฏฐารส และพระอัครสาวก พระโมคคัลลานะ และพระสารีบุตรประดิษฐานไว้ในวิหารหลวง
จากนั้นจึงทำการฉลองสมโภชพระธาตุเจดีย์หลวง พระวิหาร พระอัฏฐารสวัดเจดีย์หลวงในคราวเดียวกัน
และยังหล่อพระพุทธรูปปางอื่นๆ ขนาดต่างๆ อีกจำนวนมาก
กล่าวถึงเฉพาะการหล่อพระในครั้งนั้น มีการตั้งโรงหล่อเผาเบ้าหลอมทองในบริเวณที่ตั้งวัดพันเตาปัจจุบัน
เพราะต้องเททองพระพุทธรูปเป็นร้อยเป็นพันเบ้า จึงเป็นที่มาของวัดพันเตา
และเมื่อครั้งหล่อพระพุทธรูปอัฏฐารส พระเถระชื่อว่า “นราจาริยะ” ผู้เป็นเจ้าอาวาสวัดโชติการาม (วัดเจดีย์หลวง)
ใคร่ลองบุญญาภินิหารของท่าน ได้กระทำสัตยาธิษฐาน แล้วอุ้มเบ้าทองอันร้อนด้วยมือยกขึ้นตั้งเหนือศีรษะ
นำไปหล่อเบ้านั้นก็ไม่ทำให้ร้อนไหม้ คนทั้งหลายเห็นแปลกดังนั้นก็เกิดอัศจรรย์พากันแซ่ซ้องสาธุการกันทั่วทั้งเมือง
พระอัฏฐารสจึงนับว่าเป็นพระพุทธรูปสำคัญองค์หนึ่งของเมืองเชียงใหม่
สนใจสินค้า : Racer (racerlighting.com)
เครดิต.wongnai
matichonweekly.com